Support
Pnchemical
02-3981991,02-7454099
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest
ญาณิศชา นาเอี่ยม
- Guest -

Post : 2021-11-17 11:26:17.0     Forum: สอบถาม  >  ขอใบเสนอราคา

รบกวนขอใบเสนอราคาสารเคมี 

 

ammonium persulfate และ Sodium  Sulfite

guest
เหล็ก
- Guest -

Post : 2019-08-30 21:05:09.0     Forum: สอบถาม  >  สารเคมีที่ใช้ลอกทองจากแผงอีเล็กโทรนิคส์

ขอราคาชุดสารเคมีลอกทองหน่อยครับเฉพาะเคมีครับ

guest
โบว์
- Guest -

Post : 2017-09-19 08:51:28.0     Forum: สอบถาม  >  สอบถามสินค้า ( bromine water หรือ bromine liquid)

ต้องการทราบว่าทางบริษัทมี  bromine water หรือ bromine liquid จำหน่ายหรือเปล่าค่ะ 

 

guest

Post : 2012-01-23 15:04:32.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การเลือกซี้อสารเคมี

การเลือกซี้อสารเคมี ควรแนะนำให้เกษตรกรเข้าใจวิธีการเลือกซื้อสารเคมีที่มีคุณภาพและเป็นสารเคมีขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เข้าใจรายละเอียดบนฉลากเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากได้อย่างถูกต้อง โดย
  - ไม่ซื้อสารเคมีที่มีฉลากไม่ชัดเจน เลอะเลือน หรือข้อมูลบนฉลากไม่ครบถ้วน เช่น ไม่มีเลขทะเบียน ไม่ระบุผู้ผลิต-ผู้จำหน่าย ไม่มีวัน เดือน ปี ที่ผลิต ฯลฯ
  - ไม่เลือกซื้อสารเคมีที่มีราคาถูกกว่าผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตผู้จำหน่ายอื่นอย่างผิดปกติ
  - ไม่ซื้อสารเคมีจากพ่อค้าเร่ หรือผู้จำหน่ายแบบซ่อนเร้น ปิดบัง
  - ตรวจดู วัน เดือน ปี ที่ผลิต (ไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ผลิต) และตรวจดูภาชนะบรรจุ (ฝาปิด หรือภาชนะไม่มีรอยเปิด หรือฉีกขาด)

guest

Post : 2011-12-29 13:22:55.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  4 อาหารที่ทำให้เราส่งกลิ่น

ไม่ว่าเราจะพยายามเพียงแค่ไหน อย่างไรเสีย ก็มีอาหารบางประเภทที่มีกลิ่นติดจมูก ถ้าอยากสร้างความประทับใจกับเนื้อตัวหอม ๆ ควรหลีกเลี่ยงของพวกนี้ดีกว่านะจ๊ะ

 หน่อไม้ฝรั่ง

         อาหารบางชนิดทำให้กลิ่นปากของเราตุ ๆ บางชนิดส่งกลิ่นผ่านรูขุมขนของเรา ส่วนหน่อไม้ฝรั่งนั้น เป็นอีกจำพวกที่ทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นคล้าย ๆ กับกะหล่ำปลีเน่า ความจริงก็คือ ปรากฏการณ์หน่อไม้ฝรั่งสร้างกลิ่น ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักวิทยาศาสตร์ แม้จะมีสารต้องสงสัย เช่น S-Methyl, Thioesters และ Methanethiol แต่การระบุให้แน่ชัดก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์สรุปได้ก็คือ ไม่มีใครมีภูมิคุ้มกัน ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด คนทั่วไปร้อยละ 60-80 อาจกินหน่อไม้ฝรั่งแต่ไม่เคยได้กลิ่นดังกล่าว ซึ่งกลิ่นนั้นมีอยู่จริง ๆ คุณแค่ไม่มีประสาทรับรู้มันต่างหาก

 กระเทียม

         ไม่มีกลิ่นอะไรจะติดหนึบได้เท่ากลิ่นกระเทียมอีกแล้ว หากอ้างอิงจาก Mayo Clinic กลิ่นกระเทียมสามารถติดอยู่ในลมหายใจได้นานถึง 72 ชั่วโมง เนื่องจากในกระเทียมมีซัลเฟอร์ชื่อ Allicin ซึ่งทำให้กระเทียมมีกลิ่นรุนแรงกว่าหมากฝรั่งดับกลิ่นปากทุกชนิด เมื่อ Allicin สลายตัวในกระเพาะ มันจะปล่อยไอระเหยเข้าสู่กระแสเลือด แล้วไปที่ปอดก่อนจะออกมากับลมหายใจ อย่างไรก็ตาม กระเทียมดีต่อสุขภาพของคุณมาก ๆ และเคยมีการศึกษาพบว่า กระเทียมสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ดังนั้น มันจึงลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจด้วย สารเคมี

 หัวหอม

         หัวหอมไม่ได้หอมสมชื่อเมื่อมันอยู่ในท้องเรา มันมีทั้งใยอาหารและซัลเฟอร์ที่มีประโยชน์ ซึ่งเชื่อว่าช่วยลดคอเลสเตอรอล กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และอาจป้องกันคุณจากโรคมะเร็งได้ด้วยซ้ำ ส่วนข้อเสีย ก็คือ หัวหอมมีชื่อเสียงด้านกลิ่นปากที่ไม่จางหาย เนื่องจากมันมีซัลเฟอร์ที่ระเหยทันทีเมื่อสัมผัสกับอากาศ มันจะเข้าสู่กระแสเลือดและออกทางปอด การแปรงฟันหรือลูกอมดับกลิ่นปาก อาจช่วยกลบกลิ่นบ้าง แต่ไม่สามารถขจัดได้หมด ข่าวดีก็คือการนำหัวหอมไปผ่านความร้อน อาจช่วยสลายสารที่เป็นสาเหตุของกลิ่นได้ นอกจากนี้ หัวหอมที่ปลูกในดินที่มีกำมะถันน้อยกว่า ก็จะมีสารจำพวกดังกล่าวน้อยกว่าด้วย (แถมยังรสชาติหวานด้วยนะ)

 ทุเรียน

         หากคุณรักทุเรียน คุณอาจเจ้าใจความอร่อยของ "ราชาผลไม้" ได้ไม่ยาก แต่สำหรับคนเกลียดทุเรียนแล้ว กลิ่นอันร้ายกาจของมันอาจทำให้คุณต้องส่ายหน้าหนี
         มาพูดถึงกลิ่น ผลไม้หนามแหลมชนิดนี้ ประกอบไปด้วยสารระเหยถึง 39 ชนิด รวมถึงซัลเฟอร์ต่าง ๆ ที่อาจเป็นตัวการกลิ่นตุ ๆ หากคุณกินทุเรียนเพียงหนึ่งเม็ด อาจมีกลิ่นปากได้เป็นชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ดร.ทรงพล สมศรี จากสถาบันวิจัยพืชสวน ก็พยายามเพาะพันธุ์ทุเรียนที่ไม่มีกลิ่นอยู่ เพื่อต้านกระแสเกลียดทุเรียน

guest

Post : 2011-12-23 16:27:12.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  เคล็ดลับเพิ่มน้ำหนัก อย่างมีสุขภาพดี

สำหรับสาวหุ่นผมบาง(เกินไป) ที่อยากเพิ่มน้ำหนัก ให้มีเนื้อหนังมากกว่าเดิม เรามีคำแนะนำมาฝากจ้ะ
เริ่มจาก การแบ่งมื้ออาหารให้ถี่ขึ้น แทนที่จะกินอาหาร 3 มื้อหลัก ให้แบ่งเป็น 5 -6 มื้อต่อวัน
-เลือกกินคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชต่างๆ ขนมปังโฮลวีต หรือคาร์โบไฮเดรตจากผัก ผลไม้ เช่น ข้าวโพด เผือก และมันอบ 
-เน้นรับประทานโปรตีนจากเนื้อปลา โดยเฉพาะปลานึ่ง
- ดื่มน้ำผลไม้ เป็นประจำทุกวัน โดยเลือกผลไม้ที่ไม่หวานจนเกินไป วิธีนี้ช่วยเพิ่มแคลอรี่อีกทางหนึ่ง
-ออกกำลังกายด้วยการยกน้ำหนัก เพราะจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
เพียงเท่านี้น้ำหนักคุณจะเพิ่มขึ้นแบบไม่เสียสุขภาพแน่นอน....สารเคมี

guest

Post : 2011-12-21 16:22:27.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  โรคเอสแอลอี หรือโรคพุ่มพวง

     สำหรับความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนบางคนเป็นรุนแรง บางคนเป็นไม่รุนแรง และในรายที่เป็นไม่รุนแรงวันดีคืนร้ายก็จะเป็นรุนแรงขึ้นมาได้อีก ในปัจจุบันโรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการของโรคให้สงบ และดำเนินชีวิตได้ตามปกติหากรักษาได้ทันท่วงที

          ทั้งนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคแอสเอลอี ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงวัยสาวถึงวัยกลางคน อายุระหว่าง 20-45 ปี อายุเฉลี่ยประมาณ 30 ปี โดยผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชายประมาณ 9:1 และพบได้ในทุกเชื้อชาติ แต่จะพบในคนผิวดำและผิวเหลืองมากกว่าผิวขาว โดยเฉพาะบริเวณเอเชียตะวันออก  เช่น ไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฮ่องกง และจีน 

 สาเหตุของโรคเอสแอลอี 


          ในปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคเอสแอลอีแน่ชัด  แต่จากหลักฐานทางการวิจัยพบว่า โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์, ฮอร์โมน และการติดเชื้อโรค (โดยเฉพาะเชื้อไวรัส) นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นหรือมีโอกาสเป็นโรคเอสแอลอี มีอาการรุนแรงขึ้น เช่น แสงแดด โดยเฉพาะแสงอุลตร้าไวโอเลต การตั้งครรภ์ และยาบางชนิด

          1. พันธุกรรม พบว่าในแฝดจากไข่ใบเดียวกันมีโอกาสเกิดโรคนี้ถึงร้อยละ 30-50 และร้อยละ 7-12 ของผู้ป่วยเอสแอลอี เป็นญาติพี่น้องกัน เช่น แม่และลูกสาว หรือในหมู่พี่น้องผู้หญิงด้วยกัน

          2. ติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่สามารถค้นพบเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ได้

          3. ฮอร์โมนเพศโดยเฉพาะเอสโตรเจน โรคที่พบมากในสตรีวัยเจริญพันธุ์ บ่งชี้ว่าน่าจะมีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้ความรุนแรงของโรคยังแปรเปลี่ยนตามการมีครรภ์ ประจำเดือน และการใช้ยาคุมกำเนิด

          4. แสงแดดและ สารเคมี ยาบางอย่างเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม โรคแสดงอาการของโรคนี้ได้

guest

Post : 2011-12-15 16:51:59.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ผักผลไม้มีฤทธิ์ช่วยป้องกัน ทั้งหอบหืดและแพ้อากาศในเด็ก

วารสารธอแร็กซ์เผยแพร่งานวิจัยร่วมกันของสถาบันหัวใจและปอดแห่งชาติของอังกฤษ มหาวิทยาลัยครีต โรงพยาบาลกลางของกรีซ และศูนย์วิจัยระบาดวิทยาสภาพแวดล้อมของสเปนที่ต้องการศึกษาว่า เหตุใดเด็กยุโรปบางพื้นที่เช่นอังกฤษ จึงเป็นหอบหืดมากถึง 1 ใน 10 คน ขณะที่บางพื้นที่เช่น เกาะครีตของกรีซกลับไม่เป็น ผลการศึกษาเด็กบนเกาะครีตเกือบ 700 คน อายุระหว่าง 7-18 ปี พบว่าเด็กเหล่านี้มีอาการแพ้ทางผิวหนัง เช่น แพ้ไรฝุ่นค่อนข้างมาก แต่มีไม่กี่คนที่แพ้อากาศ สารเคมี เมื่อสอบถามเรื่องอาหารการกิน พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเด็กเหล่านั้นรับประทานผลไม้และผักสดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และไม่ค่อยรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัว

เด็กกว่าครึ่งรับประทานส้ม แอปเปิล มะเขือเทศ และองุ่นทุกวัน ผลไม้เหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดอาการอักเสบ นอกจากนี้เด็กกว่าครึ่งยังรับประทานถั่วอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ถั่วนั้นนอกจากอุดมด้วยวิตามินอีที่ป้องกันไม่ให้ เซลล์ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีแมกนีเซียมสูงที่อาจช่วยให้ปอดแข็งแรงขึ้น ผลการศึกษาพบด้วยว่า เด็กที่รับประทานมาการีนหรือ เนยเทียมมากกว่าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มีโอกาสเป็นหอบหืดและแพ้อากาศ 2 เท่าของเด็กที่รับประทานไม่บ่อย.สารเคมี

guest

Post : 2011-12-13 15:39:38.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  อันตรายจากสารเคมี รสไตรีน

สารสไตรีน (Styrene)
                สาร เบนซีน และสารอนุพันธ์ของเบนซีน จัดเป็นสารเคมีอันตราย สารเคมี ในกลุ่มสารทำละลายอินทรีย์ที่ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่นายจ้างต้องจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้าง ซึ่งทำงานสัมผัสหรือเกี่ยวข้องตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง “กำหนดสารเคมีอันตรายที่ให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๕๒”
                สารเบนซีนและอนุพันธ์ของเบนซีน เป็นสารในกลุ่มอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Aromatic Hydrocarbons) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีลักษณะโครงสร้างทางเคมีที่มีคาร์บอนต่อกันเป็นวงแหวนเบน ซีน (Benzene Ring) อันได้แก่ เบนซีน (Benzene) โทลูอีน (Toluene) ไซลีน (Xylene) สไตรีน (Styrene) เป็นต้น ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะสาร สารเคมี สไตรีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตโพลีสไตรีน และสารโคโพลีเมอร์ (Poly Styrene & Copolymer) เช่น ยางสังเคราะห์ต่างๆ ไฟเบอร์ และฉนวนกันความร้อน เป็นต้น
                สารสไตรีนมีคุณสมบัติเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี กลิ่นหอมหวาน มีลักษณะเหนียวข้นเหมือนน้ำเชื่อม ระเหยง่าย และติดไฟง่าย
 
การเข้าสู่ร่างกาย
                สารสไตรีนสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ ๓ ทาง ได้แก่ทางหายใจ ทางผิวหนัง และทางเดินอาหาร
 
ความเป็นพิษของสารสไตรีน
                มี การทำลายไขกระดูก ทำลายตับ และไต ทำให้ผิวหนังแห้ง แตก ความจำเสื่อม สมาธิสั้น มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางและส่วนปลาย โดยมีผลทำให้การเคลื่อนไหวและการทรงตัวไม่ดี เนื่องจากลดการประสานงานของกล้ามเนื้อ มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
                เป็นสารก่อกลายพันธุ์ และเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ โดยอาจก่อให้เกิดมะเร็งเส้นเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้

guest

Post : 2011-12-09 11:51:36.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  คำว่า “วัยทอง”

  คำว่า  “วัยทอง”  สาว  ๆ  หลายคนคงอยากจะปิดหู  ปิดตา  ไม่ได้ยิน  ไม่อยากรับรู้เรื่องเหล่านี้  ทำเป็นลืมๆไปซะ  ทั้งๆที่รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของร่างกาย  และจิตใจตามธรรมชาติ  สักวันหนึ่งสาวๆทุกคนต้องพบกับ  ภาวะวัยทองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้แต่คนเดียว

 

        “วัยทอง”  หรือ  Menopause  หมายถึง  วัยที่ผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน  ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขาดฮอร์โมนเพศ  คือ  เอสโตรเจน  โดยปกติผู้หญิงเมื่อก้าวสู่วัยสาวจะมีลักษณะแสดงความเป็นหญิง  เช่น  ผิวพรรณผุดผ่อง  มีเต้านม  สะโพกผาย  เจริญพันธุ์ได้  เพราะมีการทำงานของรังไข่  ซึ่งเป็นตัวสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน สารเคมี  เมื่ออายุมากขึ้น  การทำงานของรังไข่ก็จะเริ่มทำงานน้อยลง  และหยุดทำงานในที่สุด  ทำให้เกิดภาวะขาดฮอร์โมน  เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงระบบอวัยวะต่าง  ๆ  ในร่างกาย  

ผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน  สามารถแบ่งออกเป็น  2  ช่วงคือ 

 

1.  ช่วงที่  1  เรียกว่า  Premenopause  ระยะนี้เป็นระยะที่ประจำเดือนมาไม่ค่อยสม่ำเสมอ  ขาด  ๆ  หาย  ๆ  ไปบ้าง  จะเป็นช่วงเวลาสั้น  ๆ  โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นเมื่ออายุย่างเข้า  40-45  ปี

 

2.  ช่วงที่  2  เรียกว่า  Perimenopause  เป็นช่วงเวลาที่เริ่มหมดประจำเดือน  โดยประจำเดือนจะเริ่มมาไม่สม่ำเสมอมากขึ้น  และอาจขาด  ๆ  หาย  ๆ  ไปเป็นช่วงเวลานานขึ้น  โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุประมาณ  45-47  ปีและประจำเดือนขาดหายไปในที่สุดในช่วงอายุประมาณ  50  ปีขึ้นไป  (ซึ่งเราจะตัดสินว่าจะหมดประเดือนจริงๆ  ก็ต่อเมื่อขาดหายต่อเนื่องจนครบ  12  เดือนหรือ  1  ปี)

 

 การเปลี่ยนแปลงที่จะสังเกตุได้มีดังต่อไปนี้

1.  ร้อนวูบวาบตามตัว  มีเหงื่อออกในตอนกลางคืน 
2.  นอนไม่หลับหรือหลับยากขึ้น  ตื่นเร็ว 
3.  มีอารมณ์แปรปรวน  โกรธง่าย  อ่อนไหว  ในบางคนอาจมีอาการซึมเศร้าโดยไม่ทราบสาเหตุ 
4.  เกิดความเบื่อหน่าย  โดยเฉพาะเรื่องเพศ  เนื่องมากจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงทำให้เยื่อบุช่องคลอดแห้ง  และบางลง  เมื่อมีเพศสัมพันธ์จะทำให้มีอาการปวด  และติดเชื้อในช่องคลอดง่าย 
5.  มีปัญหาในการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่  หรือปัสสาวะเล็ดเวลาไอหรือจาม 
6.  เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีระ  เช่น  อ้วนขึ้น  มีพุง  กล้ามเนื้อลดลง  มีไขมันเพิ่มมากขึ้น  ผิวหนังเริ่มเหี่ยว  และหย่อนยาน 
7.  หลงลืม  โดยเฉพาะความจำในระยะสั้น  เช่น  จำไม่ได้ว่าวางของไว้ที่ไหน  หรือ  จำไม่ได้ว่ารับประทานยาแล้วหรือยัง  แต่จะไม่ลืมเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เป็นความจำในระยะยาว  เช่น  วันแต่งงาน  เป็นต้น
8.   ปัญหาอื่น  ๆ  เช่น  อาการปวดศรีษะ  เวียนศรีษะ  เป็นต้น

        อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเข้าสู่วัยทองจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ  แต่ในบางคนที่มีอาการที่รุนแรงหรือมีอาการก่อนวัยอันควร  อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมทางร่างกายและจิตใจ สารเคมี ภาวะโภชนาการ  กรรมพันธุ์ 

 

guest

Post : 2011-12-07 12:58:48.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  สารเคมีในโรงงาน

         เส้นใยสิ่งทอแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ได้ 2 ประเภท คือ เส้นใยธรรมชาติและเส้นใยประดิษฐ์ เส้นใยธรรมชาติที่สำคัญในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้แก่ ฝ้าย ขนสัตว์ และไหม เส้นใยเหล่านี้ได้จากการเพาะปลูกและจากสัตว์ สารเคมีที่ใช้จึงเป็นสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ มีการใช้สารฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีในการเพาะปลูกฝ้ายปริมาณค่อนข้างมากและส่งผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันจึงหันมาผลิตฝ้ายอินทรีย์ (Organic cotton) ที่ไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูกเลยมากขึ้น เพื่อความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนขนสัตว์ก็มีการใช้สารฆ่าแมลงที่รบกวนเช่นกัน สำหรับกระบวนการผลิตเส้นใยประดิษฐ์ซึ่งแบ่งเป็นประเภทย่อยได้ 2 ประเภท คือ เส้นใยปรับรูปใหม่ สารเคมี (Regenerated fibers) และเส้นใยสังเคราะห์ การใช้สารเคมีจะขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นใยที่ผลิต  เส้นใยปรับรูปใหม่ส่วนใหญ่เป็นเส้นใยจากเซลลูโลสที่ถูกนำมาละลายในตัวทำ ละลายที่เหมาะสมแล้วผ่านกระบวนการปั่นออกมาเป็นเส้นใย ตัวทำละลายที่ใช้ส่วนใหญ่ค่อนข้างอันตราย อย่างไรก็ตาม ในการผลิตเชิงอุตสาหกรรม สารเคมี สามารถใช้กระบวนการที่เป็นระบบปิดและใช้เทคโนโลยี การนำตัวทำละลายกลับมาใช้ใหม่ (Solvent recovery) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้ กระบวนการผลิตเส้นใยสังเคราะห์เป็นการขึ้นรูปพอลิเมอร์ออกมาเป็นเส้นใยโดย เทคนิคการปั่นเส้นใยแบบหลอมเป็นหลัก มีการใช้สารเคมีทั้งที่เป็นสารตั้งต้นและสารช่วยในกระบวนการ ตั้งแต่ขั้นการผลิตพอลิเมอร์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตซึ่งสารบางตัวมี ความเป็นพิษและไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) ประเภท antimony oxide ที่ใช้ในการผลิตพอลิเอสเตอร์ poly(ethylene terephthalate) จัดเป็นสารที่ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากมีผลก่อมะเร็ง 

guest

Post : 2011-12-06 15:33:14.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  สารเคมี ในชีวิตประจำวัน

เส้นผมบนศีรษะถือเป็นมงกุฎวัฒนะที่ธรรมชาติให้มาตั้งแต่กำเนิด การที่เส้นผมจะอยู่หรือจะไปจากผิวหนังศีรษะของเรา ยังขึ้นอยู่กับการดูแลและรักษาอย่างถูกวิธี สิ่งเล็กๆน้อยๆบางครั้งก็สามารถสร้างปัญหาให้กับเส้นผมได้เช่นกัน เช่น กรณีของสารเคมีประเภทต่างๆที่เรานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน สารเคมี
1. แชมพู  ทุกบ้านมักจะมีแชมพูสำหรับทำความสะอาดเส้นผม การใช้ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ แชมพูทุกชนิดทำจากสารเคมี ส่วนจะมีเคมีมากหรือน้อย คุณภาพเกรดดีหรือเกรดต่ำ ยังขึ้นอยู่กับผู้ผลิตอีกต่อหนึ่ง สารเคมีจากแชมพูอาจทำลายเส้นผมหรือทำให้ผิวหนังศีรษะระคายเคืองได้ในบางคน ดังนั้นการเลือกใช้แชมพูให้เหมาะสมกับเส้นผมและผิวหนังศีรษะของตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำ แชมพูเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้แชมพูสระผมทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ เหมือนกับการใช้สบู่ทำความสะอาดผิวกายนั่นเอง การทำความสะอาดเส้นผมและผิวหนังศีรษะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งในกรณีผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะมันหรือผมมัน รวมทั้งที่มีปัญหาเหงื่อออกมาก ต้องหมั่นทำความสะอาด  เพราะถ้าสิ่งสกปรกหมักหมมเป็นเวลานานๆอาจสร้างปัญหาให้กับเสนผมและหนังศีรษะมากขึ้น
   แชมพูสระผมทำจาก สารเคมี ส่วนยี่ห้อใดจะมีสารเคมีมากน้อยแตกต่างกันออกไป รวมถึงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง ซึ่งส่วนมากแชมพูเกรดต่ำจะนิยมใช้สารเคมีที่คุณภาพต่ำ ซึ่งราคาจะถูกกว่าเกรดเอ แต่สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรงจะสร้างปัญหาให้กับผู้ที่มีปัญหาเส้นผมอยู่แล้วอย่างมาก เช่น ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผิดปกติอยู่แล้ว ถ้าไปใช้แชมพูที่มีฤทธิ์ที่รุนแรง จะทำให้ผมร่วงมากขึ้นกว่าเดิมหรือทำให้ผมร่วงเรื้อรังเป็นเวลานานๆ จนกว่าจะเปลี่ยนไปใช้แชมพูชนิดใหม่ที่ไม่มีผลกระทบต่อเส้นผม แชมพูที่มีฤทธิ์รุนแรง เมื่อสระแล้วอาจทำให้ผิวหนังศีรษะลอกออกมาเป็นขุยสีขาวคล้ายๆรังแคหรือเป็นแผ่นสีขาวบาง ถ้าเกิดกรณีนี้ขึ้นต้องหยุดใช้แชมพูนั้นทันที เพราะจะเร่งให้เกิดปัญหาผมร่วงมากขึ้นและผมบางก็เกิดเร็วขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ผมร่วงง่ายและมีปัญหาผมมัน ต้องหลีกเลี่ยงแชมพูที่มีฤทธิ์ที่รุนแรง ก่อนที่เส้นผมจะหมดไปจากศีรษะ นี่คือผลกระทบจากการใช้แชมพูที่ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมอยู่แล้ว ทั้งผมร่วง ผมบาง รังแค ฯลฯ มีความจำเป็นต้องเลือกใช้แชมพูให้ถูกกับตนเอง เพราะถ้าเลือกใช้แชมพูไม่เหมาะสมกับสภาพของเส้นผมและหนังศีรษะของตนเองแล้ว อาจจะสร้างปัญหาให้มากขึ้นกว่าเดิมและเรื้อรังไปเรื่อยๆ ทางที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผมแล้วขอแนะนำให้ใช้แชมพูที่อ่อนๆไม่รุนแรง ไม่มีสารที่ระคายเคืองหรือสร้างปัญหาให้กับผิวหนังศีรษะ มีผู้ผลิตแชมพูหลายรายที่นิยมใช้สารทำฟองและเกลือโซเดี่ยมคลอไรด์ ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนังศีรษะอาจจะทำให้ผิวลอก ผิวแห้งได้ นอกจากนี้ก็อาจทำให้เกิดอาการคันศีรษะบ่อยๆ ซึ่งอาจจะมาจากสารตกค้างที่ล้างออกไม่สะอาดพอ  แชมพูก็เหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ไม่ถูกหรือไม่เหมาะสมกับตนเองก็จะสร้างปัญหาให้  ถ้าเลือกได้เหมาะสมก็จะช่วยลดปัญหาลงได้ในระดับหนึ่ง

guest

Post : 2011-11-24 12:04:59.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  สารเคมีกำจัดแมลง ต่างๆๆ


สารเคมี กำจัดแมลงเป็นสารเคมีการเกษตรที่มีจำนวนชนิดมากที่สุด สารเคมีกำจัดแมลงแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามชนิดของสารเคมีได้ 4 ประเภท คือ

1.1 กลุ่มออร์กาโนคลอไรน์ ซึ่งเป็นกลุ่มของสารเคมีที่มีคลอรีนเป็นองค์ประกอบ สารเคมีกำจัดแมลงในกลุ่มนี้ที่นิยมใช้กันมาก คือ ดีดีที (DDT), ดีลดริน (dieldrin), ออลดริน (aldrin), ท็อกซาฟีน (toxaphene), คลอเดน (chlordane), ลินเดน (lindane), เอนดริน (endrin), เฮปตาครอ (heptachlor) เป็นต้น สารเคมีในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีพิษไม่เลือก (คือเป็นพิษต่อแมลงทุกชนิด) และค่อนข้างจะสลายตัวช้า ทำให้พบตกค้างในห่วงโซ่อาหารและสิ่งแวดล้อมได้นาน บางชนิดอาจตกค้างได้นานหลายสิบปี ปัจจุบัน ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกจะไม่อนุญาตให้ใช้สารเคมีในกลุ่มนี้ หรือไม่ก็มีการควบคุมการใช้ ไม่อนุญาตให้ใช้อย่างเสรี เพราะผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

1.2 กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบ โดยสารเคมีในกลุ่มนี้ที่รู้จักกันคือ มาลาไธออน (malathion), พาราอาซินอน (diazinon), เฟนนิโตรไธออน (fenitrothion), พิริมิฟอสเมธิล (pirimiphos methyl), และไดคลอวอส (dichlorvos หรือ DDVP) เป็นต้น สารเคมีในกลุ่มนี้จะมีพิษรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเป็นพิษทั้งกับแมลงและสัตว์อื่นๆ ทุกชนิด แต่สารในกลุ่มนี้จะย่อยสลายได้เร็วกว่ากลุ่มแรก สารเคมี

1.3 กลุ่มคาร์บาเมต ซึ่งมีคาร์บาริลเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยสารเคมีกำจัดแมลงที่รู้จักและใช้กันมาก คือ คาร์บาริว (carbaryl ที่มีชื่อการค้า Savin), คาร์โบฟุแรน (carbofura), โพรพ็อกเซอร์ (propoxur), เบนไดโอคาร์บ (bendiocarb) สารเคมีในกลุ่มคาร์บาเมตจะมีความเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมน้อยกว่าพวก ออร์กาโนฟอสเฟต

1.4 กลุ่มสารสังเคราะห์ไพรีทอย เป็นสารเคมีกลุ่มที่สังเคราะห์ขึ้นโดยมีความสัมพันธ์ตามโครงสร้างของไพรี ทริน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่สกัดได้จากพืชไพรีทรัม สารเคมีในกลุ่มนี้มีความเป็นพิษต่อแมลงสูง แต่มีความเป็นพิษต่อสัตว์เลือดอุ่นต่ำ อย่างไรก็ตาม สารเคมีกลุ่มนี้มีราคาแพงจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้ สารเคมีกำจัดแมลงในกลุ่มนี้ ได้แก่ เดลตาเมธริน (deltamethrin), เพอร์เมธริน (permethrin), เรสเมธริน (resmethrin), และไบโอเรสเมธริน (bioresmethrin) เป็นต้น

guest

Post : 2011-11-09 16:07:13.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การทำน้ำดิบให้เป็นน้ำประปา

        การทำน้ำดิบให้เป็นน้ำประปา  เนื่องจากน้ำดิบที่ได้จากแม่น้ำไม่เพียงพอแก่การทำน้ำประปา  การประปานครหลวงจึงจำเป็นต้องสูบน้ำบาดาล  ที่อยู่ในชั้นทะเลทรายลึกประมาณ๒๐๐ เมตร ในบริเวณกรุงเทพมหานครขึ้นมาใช้  น้ำที่ได้นี้เป็นน้ำบริสุทธิ์  ใสสะอาด  ไม่มีเชื้อโรคหรือแร่ธาตุที่เป็นพิษต่อร่าง-กาย จึงมักส่งต่อเข้าท่อประปาโดยไม่ต้องผ่านถังตกตะกอน  และถังกรองขั้นนี้เป็นการผ่านน้ำดิบให้เข้าไปยังถังที่มีชื่อว่า   ถังตกตะกอน (clarifier) ภายในถังนี้ เขาฉีดน้ำยาที่มีสารส้ม เป็นส่วนผสมให้เข้ามาปนกับน้ำดิบในอัตราส่วนพอเหมาะ  สารเคมีจำพวกสารส้มจะไปทำปฏิกิริยาแยกเอาตะกอนซึ่งทำให้น้ำขุ่นสกปรกออกเป็น ก้อนที่เรียกว่า  ก้อนตะกอน  (floc) น้ำกับก้อนตะกอนที่แยกออกมาแล้วจะไหลไปยังถังกรอง (filter)   ในถังกรองมีชั้นทราย และกรวดรวมกันอยู่หลายชั้น  เริ่มแต่ชั้นทรายขนาดกลาง และทรายหยาบ ต่อจากนั้นเป็นชั้นของกรวดเม็ดเล็ก  เม็ดปานกลาง และเม็ดโต ทรายและกรวดจะช่วยกรองตะกอนน้ำที่ไหลผ่านชั้นของกรวดจะเป็นน้ำใส  น้ำใสจะไหลจากบ่อกรองไปยังถังพักน้ำใส   ซึ่งเป็นบ่อถังทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กหลายๆถังต่อพ่วงกัน   น้ำในตอนนี้จัดได้ว่าใสแลดูสะอาด  แต่อาจจะมีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายเจือปนอยู่ได้  ดังนั้น ก่อนที่จะสูบน้ำใสนี้ออกให้ประชาชนใช้  การประปาจะจัดการใส่ก๊าซคลอรีนหรือผงเคมีที่จะให้ก๊าซคลอรีน  ในอัตราส่วนที่น้อยมากลงในน้ำใสเพื่อฆ่าเชื้อโรคดังกล่าว  จากนี้ก็สามารถจะสูบน้ำออกจ่ายให้ประชาชนใช้บริโภคได้

          ท่อน้ำประปาที่ออกจากโรงสูบน้ำของการประปา เป็นท่อขนาดใหญ่บางท่อมีเส้นผ่านศูนย์กลางโตถึง ๑ เมตร ท่อดังกล่าวนี้เขาฝังไว้ข้างถนนจมลึกจากระดับถนนประมาณ ๑ - ๒เมตร  จากท่อใหญ่ก็มีท่อซอยซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กลงตามลำดับ ท่อดังกล่าวนี้จะแยกเข้าตามถนนสายเล็กลงมาเข้าตามซอย ตามตรอก

          บางตำบลของกรุงเทพมหานครได้น้ำประปามาจากการดูดน้ำบาดาลที่อยู่ในชั้นของ ทรายซึ่งเก็บน้ำได้ปริมาณมาก  ดังนั้นบ่อบาดาลที่ขุดลึก ๑๕๐  -  ๒๐๐ เมตร ก็จะได้น้ำบาดาลที่เป็นน้ำบริสุทธิ์ใสสะอาด แม้ว่าในบางครั้งจะมีทรายละเอียดจำนวนเล็กน้อยเจือปนอยู่ แต่ก็ไม่มีเชื้อโรคปะปนอยู่ หลังจากที่ได้ตรวจดูคุณภาพของน้ำแล้ว ไม่พบสารหรือแร่ธาตุที่เป็นพิษต่อร่างกายละลายเจือปนอยู่ก็จัดเป็นน้ำที่ใช้ บริโภคได้

guest

Post : 2011-10-28 19:37:02.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  พลังงานกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี

  พลังงานกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
      ในการเกิดปฏิกิริยาเคมี นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสารใหม่เกิดขึ้นแล้ว จะต้องมีพลังงานเกี่ยวข้องด้วยเสมอ เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง มักจะให้พลังงานความร้อน พลังงานแสง หรือพลังงานชนิดอื่นเป็นผลพลอยได้ การเผาผลาญอาหารในร่างกายของเรา ก็มีพลังงานเกิดขึ้น เราจึงสามารถนำพลังงานจากการเผาผลาญอาหารมาใช้ในการดำรงชีวิต เป็นต้น
     การเปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิดปฏิกิริยาเคมี มี 2 ประเภท คือ สารเคมี
    1. ปฏิกิริยาคายความร้อน (exothermic  reaction) คือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นแล้วให้พลังงานความร้อนออกมา แก่สิ่งแวดล้อม เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาผลาญอาหารในร่างกาย เป็นต้น
    2. ปฏิกิริยาดูดความร้อน (endothermic  reaction) คือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นแล้ว ดูดความร้อนจากสิ่งแวดล้อมเข้าไป ทำให้สิ่งแวดล้อมมีอุณหภูมิลดลง

 

guest

Post : 2011-10-21 11:25:17.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  สารทำความสะอาด

3. สารทำความสะอาด สารเคมี
     3.1 ความหมายของสารทำความสะอาด
สารทำความสะอาด หมายถึง คุณสมบัติในการกำจัดความสกปรกต่างๆ ตลอดจนฆ่าเชื้อโรค
     3.2 ประเภทของสารทำความสะอาด
แบ่งตามการเกิด ได้ 2 ประเภท คือ
     1) ได้จากการสังเคราะห์ เช่น น้ำยาล้างจาน สบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพูสระผม ผงซักฟอก
สารทำความสะอาดพื้นเป็นต้น
     2) ได้จากธรรมชาติ เช่น น้ำมะกรูด มะขามเปียก เกลือ เป็นต้น
แบ่งตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นเกณฑ์ แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
       2.1 สารประเภททำความสะอาดร่างกาย ได้แก่ สบู่ แชมพูสระผม เป็นต้น
       2.2 สารประเภททำความสะอาดเสื้อผ้า ได้แก่ สารซักฟอกชนิดต่างๆ
       2.3 สารประเภททำความสะอาดภาชนะ ได้แก่ น้ำยาล้างจาน เป็นต้น
       2.4 สารประเภททำความสะอาดห้องน้ำ ได้แก่ สารทำความสะอาดห้องน้ำทั้งชนิดผงและชนิดเหลว

1